สำหรับมนุษย์ออฟฟิศที่สำนักงานปรับระบบการทำงานเป็นแบบ Work From Home หรือ Work From Anywhere จนทำให้รถยนต์ที่เคยต้องขับไปทำงานทุกวัน กลายเป็นจอดทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่ค่อยได้ขับไปไหนสักเท่าไหร่ นาน ๆ ขับไปพักผ่อนแค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่ต้องต่อประกันรถยนต์ เราเชื่อว่าคุณต้องเกิดคำถามเหล่านี้แน่ ๆ ว่า ยังจำเป็นต้องจ่ายค่าประกันรถแพงอยู่อีกหรือไม่ สำหรับใครที่เคยทำประกันรถชั้น 1 มาตลอด วันนี้เรามีข้อมูลสำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนเป็นประกันชั้น 2 มาให้พิจารณากัน
เท้าความประกันชั้น 1 ที่คุ้มครองครอบคลุม เหมาะกับรถใหม่ นักขับประสบการณ์น้อย
เชื่อว่าสำหรับคนที่ขับรถใหม่มาพอสมควร ต้องรู้จักการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 แน่ ๆ ที่คุ้มครองครอบคลุมทุกสรรพสิ่งของการเกิดเหตุกับรถยนต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการอุบัติเหตุการชน จะชนเสา ชนรถ จะเราผิดหรือคู่กรณีผิด ประกันก็รับผิดชอบซ่อมรถให้คุณอย่างครบถ้วน เรียกว่าหมดห่วงได้แบบสุด ๆ ซึ่งความสบายใจนี้ก็แลกมาด้วยค่าเบี้ยประกันที่สูงตามไปด้วย และเหมาะสำหรับรถใหม่ หรือผู้ที่มีประสบการณ์ขับขี่ได้ไม่นาน
รู้จักการทำประกันชั้น 2 เพื่อตอบโจทย์คนขับรถยนต์มือฉมัง
แต่สำหรับผู้ที่ขับรถยนต์มานาน มีประสบการณ์ที่เรียกได้ว่าเป็นมือฉมัง และอายุรถก็พอสมควร หรือเริ่มขับน้อยแล้วเพราะทำงานอยู่ที่บ้านแทน โอกาสที่จะไปเสี่ยงบนท้องถนนยิ่งน้อยเข้าไปอีก การจ่ายค่าเบี้ยแพง ๆ แบบประกันชั้น 1 อาจไม่ใช่สิ่งที่ตอบโจทย์คุณอีกต่อไป ลองมาดูกันว่าประกันชั้น 2 ยังคุ้มครองครอบคลุมแค่ไหน และเหมาะกับใครบ้าง
ความคุ้มครองของการทำประกันชั้น 2 หากเกิดอุบัติเหตุ
- ให้ความคุ้มครองครอบคลุมค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของทั้งผู้เอาประกัน และคู่กรณี
- ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินและตัวของคู่กรณี
- ให้ความคุ้มครองครอบคลุมถึงการประกันตัวของผู้เอาประกัน
- ไม่คุ้มครองความเสียหายรถยนต์ของผู้เอาประกัน จะให้ความคุ้มครองเฉพาะกรณีสูญหายและไฟไหม้เท่านั้น
ดังนั้น ผู้ที่กำลังตัดสินใจจะทำประกันรถยนต์ชั้น 2 ต้องลองสำรวจตัวเองว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการขับขี่พอสมควร และขับรถไม่ประมาท ไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ หรือไม่ หรือหากเกิดอุบัติเหตุที่ต้องจ่ายค่าซ่อมรถเอง ก็มั่นใจว่าจ่ายน้อยแน่นอน ไม่เดือดร้อนกระเป๋าสตางค์
แต่ถ้าไม่ใช่ และยังมองว่าหากเกิดอุบัติเหตุ เราก็ไม่สมควรที่จะต้องจ่ายค่าซ่อมเอง บางทีประกันชั้น 2+ อาจเหมาะกับคุณมากกว่า เพราะประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะคุ้มครองไปถึงกรณีการเกิดอุบัติเหตุบนบก หรือรถยนต์ชนกันด้วย แปลว่าบริษัทประกันก็จะจ่ายเงินค่าซ่อมรถให้เราด้วยนั่นเอง
เคล็ดลับการลดเบี้ยประกันชั้น 2+ ให้ถูกลง
แม้ประกันชั้น 2 จะถูกกว่าประกันชั้น 1 อย่างเห็นได้ชัด แต่หากคุณอยากให้คุ้มครองกรณีซ่อมรถของเราด้วย ประกันชั้น 2+ ก็น่าจะตอบโจทย์มากกว่า แต่นั่นหมายถึงเบี้ยประกันที่แพงขึ้นมาอีกเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีเคล็ดลับวิธีลดเบี้ยอยู่บ้าง เช่น ระบุค่าเสียหายส่วนแรกว่า จ่ายเอง, ระบุผู้ขับขี่, เลือกสถานที่ซ่อมเป็น “ซ่อมอู่”, มีประวัติการขับดีมาตลอด ไม่เคยแจ้งเคลม หรือเคลมว่าเป็นฝ่ายถูก เหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยให้ลดค่าเบี้ยลงได้เช่นกัน
ลองปรึกษาบริษัทประกันเพื่อมองหาการทำประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์แก่คุณมากที่สุด เพื่อให้ทุกการใช้จ่ายเป็นไปอย่างคุ้มค่าทุกสตางค์