• พฤหัส. พ.ย. 21st, 2024

เจ้าอาวาสใช้กลอุบายสวดเงินปัดเป่ารังควาญ หอบเงินนับล้านหนีเข้ากลีบเมฆ

ลูกศิษย์เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งในอำเภอยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ หอบหลักฐานเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด เหตุนำเงินสดไปมอบให้พระเจ้าอาวาส พร้อมโอนเงินเข้าบัญชีเพื่อทำพิธีปัดเป่ารังควาญแต่ไม่ได้เงินคืน มูลค่าความเสียหายเป็นเงินจำนวน 742,911 บาท แหวนทองคำหนัก 1 สลึงอีก 1 วง พบมีผู้เสียหายอีกหลายราย บางรายไม่กล้าให้ข้อมูลเนื่องจากเกรงกลัวอำนาจมืด คาดมีมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 2 ล้านบาท

วันนี้ 16 มี.ค. 2567 เสี่ยเค อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นำหลักฐานการโอนเงิน การสนทนาผ่านแอ็พพลิเคชั่น เข้าร้องทุกข์ผ่านผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่าถูกพระรูปหนึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่อำเภอยางตลาด ใช้กลอุบายให้นำเงินมาทำพิธีสวดสะเดาะเคราะห์เพื่อให้มีโชคลาภเสียหายไปกว่า 7 แสนบาท โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ได้เข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อุทัย จันบุตราช รอง สว.(สอบสวน) สภ.ยางตลาด ภ.จว.กาฬสินธุ์ เพื่อดำเนินคดีฐานความผิดฉ้อโกงทรัพย์ ฉ้อโกงทรัพย์ หรือลักทรัพย์โดยใช้กลอุบายไว้เรียบร้อยแล้ว

เสี่ยเค ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า ที่ตนเองได้รู้จักกับเจ้าอาวาสท่านนี้ก็เพราะช่วงแรก ๆ ได้มีญาติพามารู้จักกับท่าน บอกว่ามีคนเข้าไปหาท่านเยอะ มีความศักดิ์สิทธิ์ ก็เลยได้เข้าไปอาบน้ำมนต์ ดูดวง ตามความเชื่อปกติ แต่พอช่วงหลังๆ มาเริ่มมีการบอกว่าเรามีเคราะห์ไม่ดี อยากให้ธุรกิจดีขึ้นไหม ถ้าอยากให้ธุรกิจดีขึ้นก็ให้เอาเงินสดเข้ามาสวดเสริมดวง ประมาณ 15-30 วันก็จะคืนเงินให้ ซึ่งช่วงแรก ๆ ก็ได้เงินคืนเต็มจำนวนก็เลยเกิดความเชื่อใจ แต่พอไป ๆ มา ๆ ประมาณ 3-4 เดือน ก็เริ่มเรียกเงินก้อนใหญ่ขึ้น แล้วไม่ค่อยคืน แบบว่าเอาเงินเข้าไป 2-3 ก้อน เอาคืน 1 ก้อน เงินก็เลยทบ ๆ กัน ก็เลยกลายเป็นเยอะขึ้นเรื่อย ๆ โดยความรู้สึกตนเองที่นำเอาเงินเข้าไปสวดก็รู้สึกว่าธุรกิจดีขึ้นจริงก็เลยศรัทธา ตอนนี้ยอดเงินทั้งหมดของตนเองที่สูญไปอยู่ที่ 7.4 แสนบาท พร้อมแหวนทองคำอีก 1 สลึง จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยจับผู้กระทำผิดเข้ามารับโทษ ไม่อยากให้เขาไปทำกับคนอื่นได้อีก ซึ่งตามที่รวบรวมเป็นลายลักษณ์อักษร ที่เป็นผู้เสียหายในลักษณะเดียวกันตอนนี้มีอยู่ประมาณ 11 คน ยอดความเสียหายก็อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านบาท โดยพระโชคชัยได้หนีออกจากวัดไปเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย

พระอาจารย์รูปหนึ่งที่พำนักอยู่วัดเดียวกัน เล่าว่า ตามที่ทราบ ๆ มาว่าโยมเค ได้มาเป็นลูกศิษย์เจ้าอาวาส เห็นเข้ามาหากันอยู่บ่อย ๆ ว่าเข้ามาอาบน้ำมนต์ ล่าสุดก่อนวันที่เจ้าอาวาสจะออกจากวัดไป 1 วัน ก็เห็นมาหากันตามปกติ วันต่อมาที่เจ้าอาวาสได้ออกจากวัดไปแล้วก็เห็นโยมเค มาถามหาเจ้าอาวาสว่าท่านไปไหน ก็ไม่มีใครรู้จักว่าเจ้าอาวาสไปไหน ก็ได้ทราบเรื่องจากโยมเคว่าเจ้าอาวาสเอาเงินของเขาไป เป็นจำนวนเงินถึง 7 แสนกว่าบาท จึงได้สอบถามโดยเคว่าท่านเจ้าอาวาสเอาไปทำอะไรตั้งเยอะ ก็เลยทราบว่าท่านเอาไปสวดปัดเป่าสิ่งรังควาญ ซึ่งในทางพุทธศาสนาไม่มีการทำพิธีเรื่องสวดปัดเป่าเงินมาก่อน โดยเจ้าอาวาสท่านนี้มาพำนักอยู่ที่วัดแห่งนี้มาแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งก็มีญาติโยมในหมู่บ้านเคารพนับถือจำนวนมาก จึงไม่เข้าใจว่าทำไมท่านถึงไปทำพิธีกรรมแบบนั้นกับลูกศิษย์ที่ให้ความเคารพนับถือและศรัทธาแบบนี้

ด้านคุณยายมุก บอกว่า ที่บ้านของตนมีสามีที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงอยู่ เพิ่งออกจากโรงพยาบาลมาใหม่ ๆ โดยเจ้าอาวาสได้บอกให้ตนนำเงินไปสวดเพื่อรักษาคนป่วย ซึ่งตนเองนั้นก็เป็นญาติพี่น้องกันกับเจ้าอาวาส จึงไม่คิดว่าจะโกงกันแบบนี้ ตอนแรกท่านเจ้าอาวาสบอกให้นำเงินไป 2 หมื่นบาท จึงบอกว่ามีมีเงินขนาดนั้นมีแค่หมื่นเดียว ก็เลยนำเงินไปให้สวด 1 หมื่นบาท ซึ่งท่านบอกว่าสวดไปแล้ว 3 เดือนก็จะได้คืน ก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งท่านก็มาจำอยู่วัดได้ 10 กว่าปีแล้ว ทราบอีกว่ามีคุณยายอุดมที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันก็นำเงินไปให้สวด 1 หมื่นบาท และในหมู่บ้านยังมีอีกหลายคนแต่ไม่มีคนกล้าบอกว่าเสียเงินไปเท่าไหร่